28/5/54

วันมาฆบูชาที่ผ่าน

วันมาฆบูชา
           วันมาฆบูชา (อังกฤษ: Magha Puja) เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของชาวพุทธเถรวาทและวันหยุดราชการในประเทศไทย"มาฆบูชา" ย่อมาจาก "มาฆปูรณมีบูชา" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะ ตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย (มักอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หรือเดือนมีนาคม) ถ้าในปีใดมีเดือน อธิกมาส คือมีเดือน 8 สองหน (ปีอธิกมาส) ก็เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน 3 หลัง (วันเพ็ญเดือน 4)
กิจกรรมที่พุทธศาสนิกชนพึงปฏิบัติในวันมาฆบูชา
1.      บทบูชาพระรัตนตรัย (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:อรหัง สัมมา ฯลฯ)
2.      บทนมัสการนอบน้อมบูชาพระพุทธเจ้า (นะโม ฯลฯ ๓ จบ)
3.      บทสรรเสริญพระพุทธคุณ (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:อิติปิโส ฯลฯ)
4.      บทสรรเสริญพระพุทธคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสวดสรภัญญะที่ขึ้นต้นด้วย:องค์ใดพระสัมพุทธ ฯลฯ)
5.      บทสรรเสริญพระธรรมคุณ (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:สวากขาโต ฯลฯ)
6.      บทสรรเสริญพระธรรมคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสวดสรภัญญะที่ขึ้นต้นด้วย:ธรรมมะคือ คุณากร ฯลฯ)
7.      บทสรรเสริญพระสังฆคุณ (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:สุปฏิปันโน ฯลฯ)
8.      บทสรรเสริญพระสังฆคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสวดสรภัญญะที่ขึ้นต้นด้วย:สงฆ์ใดสาวกศาสดา ฯลฯ)
9.      บทสวดบูชาเนื่องในวันมาฆบูชา (บทสวดบาลีที่ขึ้นต้นด้วย:อัชชายัง ฯลฯ)
จากนั้นจุดธูปเทียนและถือดอกไม้เป็นเครื่องสักการะบูชาในมือ แล้วเดินเวียนรอบปูชนียสถาน 3 รอบ โดยขณะที่เดินนั้นพึงตั้งจิตให้สงบ พร้อมสวดระลึกถึงพระพุทธคุณ ด้วยการสวดบทอิติปิโส (รอบที่หนึ่ง) ระลึกถึงพระธรรมคุณ ด้วยการสวดสวากขาโต (รอบที่สอง) และระลึกถึงพระสังฆคุณ ด้วยการสวดสุปะฏิปันโน (รอบที่สาม) จนกว่าจะเวียนจบ 3 รอบ จากนั้นนำธูปเทียนดอกไม้ไปบูชาตามปูชนียสถานจึงเป็นอันเสร็จพิธี

      **  เนื่องจากดิฉันได้นับถือศาสนาอิสลามดังนั้นในวันมาฆบูชาที่ผ่านมาดิฉันจึงได้ดูการทำกิจกรรมของเพื่อนๆข้างนอกแต่ยังไงดิฉันก็ได้เก็บรูปมาฝากทุกๆคนด้วยมาชมกันเลย 
  " ชมภาพ " คลิกเลย
 

18/5/54

บุคคลน่ารู้จัก


              
             ประวัติของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์
         เกิด 20 เม.ย. ปีค.ศ.1889 ที่เมืองเบราเนา ประเทศออสเตรีย ติดชายแดนเยอรมนี ทั้งพ่อ-อาลัวส์ และแม่คาร่า มาจาก   ครอบครัวเกษตรกรที่ยากจน แต่พ่อเป็นคนฉลาดและทะเยอทะยาน จึงก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าหน้าที่ภาษี ช่วงที่มาแต่งงานกับแม่ อายุห่างกันถึง 23 ปี และมีลูกติดมา 2 คน ทำให้ฮิตเลอร์มีพี่น้องถึง 5 คน แต่โตขึ้นมาเหลือรอดอยู่ 2 คน คือฮิตเลอร์และน้องสาว
         แต่พอโตขึ้นเรียนชั้นสูงขึ้น วิชาต่างๆ ก็เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสอบไม่ได้ที่ 1 พ่อเริ่มเกรี้ยวกราด เพราะกลัวลูกจะเข้ารับราชการไม่ได้ ส่วนเพื่อนๆ ก็เริ่มไม่ปลื้มให้เป็นหัวหน้า ความกดดันต่างๆ ทำให้ฮิตเลอร์เบี่ยงไปสนใจการต่อสู้สำหรับวิชาที่ฮิตเลอร์สนใจมากอีกวิชาคือศิลปะ
         ในปีค.ศ.1909 ซึ่งเป็นปีที่ควรเกณฑ์ทหาร ฮิตเลอร์กลับไม่ยอมรับใช้กองทัพออสเตรียของตัวเอง เพราะแค้นอยู่ลึกๆ ที่สถาบันการศึกษาออสเตรียไม่เปิดโอกาสให้เรียน นอกจากนี้ยังชื่นชมอาณาจักรเยอรมนีที่เหนือกว่าออสเตรียมาตั้งแต่เด็ก จึงไปเป็นอาสาสมัครในกองทัพเยอรมนี ช่วงเวลานี้ชีวิตของฮิตเลอร์มีทั้งขึ้นและลง หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง ฮิตเลอร์ ย้ายไปอยู่มิวนิกและเริ่มชีวิตทางการเมือง ซึ่งล้มลุกคลุกคลานอยู่นาน จนกระทั่งปีค.ศ.1921 ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคนาซี มีนโยบายต่อต้านชาวยิวและผู้นิยมลัทธิสังคมนิยม
      ด้วยความที่ได้คืบจะเอาศอก ฮิตเลอร์ลุยต่อไปที่โปแลนด์ คราวนี้อังกฤษกับฝรั่งเศสไม่ยอมอีกแล้ว วันที่ 3 ก.ย.1939 จึงประกาศสงครามโลกครั้งที่ 2 กับเยอรมัน ฝ่ายพันธมิตรและอักษะสู้รบกันอยู่นานถึงปี 1945 ฝ่ายอักษะพ่ายแพ้ ฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายพร้อมหญิงคนรัก อีวา วันที่ 30 เม.ย. ปีค.ศ.1945
                        

                                 ประวัติอุซามะห์ บิน ลาดิน
        อุซามะห์ บิน ลาดิน  เป็นนักต่อสู้ของพวกวะฮาบีย์[เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและหัวหน้าอัลกออิดะห์ ซึ่งรับผิดชอบเหตุวินาศกรรมที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากหลายครั้ง เกิดในตระกูลบิน ลาดินสัญชาติซาอุดิอาระเบีย อันมั่งคั่ง
         เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1957 ที่ซาอุดีอาระเบีย เป็นบุตรชายของเศรษฐีเชื้อสายเยเมน โดยในช่วงสงครามเย็น เขาเป็นผู้ต่อต้านสหภาพโซเวียตในอัฟกานิสถาน และต่อมาเมื่อเกิดสงครามอ่าว เขาก็ได้แสดงท่าทีต่อต้านสหรัฐอเมริกา จนนำมาสู่การถอนสัญชาติ และทำให้บิน ลาดินต้องอพยพไปอยู่ที่ซูดาน และอัฟกานิสถาน ตามลำดับ
          ต่อมา2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 บารัค โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ออกมาแถลงยืนยันผ่านทางโทรทัศน์ว่า อุซามะห์ บิน ลาดิน ได้เสียชีวิตลงแล้ว จากปฎิบัติการทางทหารของสหรัฐอเมริกา
          อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของนายอุซะมะห์ บิน ลาดินได้สร้างความสงสัยให้กับผู้คนจำนวนมากว่าบินลาดินเสียชีวิตจริงหรือไม่ เพราะทางการสหรัฐอเมริกายังไม่เปิดเผยภาพศพของนายอุซะมะห์ บิน ลาดิน เนื่องจากทางการสหรัฐฯ เกรงว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง

                           

 ประวัติมาดาม มารี คูรี
         เกิด วันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ.1867 ที่เมืองวอร์ซอร์ (Warsaw) ประเทศโปแลนด์ (Poland) บิดาของเธอชื่อว่า วลาดิสลาฟ สโคลดอฟสกา เป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์อยู่ที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในกรุงวอร์ซอร์ บิดาของเธอมักพาเธอไปห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ของโรงเรียน ด้วยเสมอ ทำให้เธอมีความสนใจวิชาวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก
         มารีใช้เวลาส่วนใหญ่กับการอ่านหนังสือ และด้วยเหตุนี้ทำให้เธอได้มีโอกาสได้พบกับปิแอร์ คูรี่ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมห้องทดลองและอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยปารีส ด้วยความที่ทั้งสองมีชีวิตที่คล้าย ๆ กัน และมีความรักในวิชาวิทยาศาสตร์เช่นเดียวกัน ปิแอร์และมารีตกลงใจแต่งงานกันในปี ค.ศ.1895 และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งปิแอร์เสียชีวิตในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ.1906 จากอุบัติเหตุรถชน และมารีเสียชีวิต วันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1934 ที่กรุงปารีส (Paris) ประเทศฝรั่งเศส (France)
         ผลงานของมารี  ได้แก่
                             - ค้นพบธาตุเรเดียม
                             - ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ในปี ค.ศ.1903 จากผลงานการพบธาตุเรเดียม

                             - ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์อีกครั้งหนึ่ง ในปี ค.ศ.1911 จากผลงานการค้นคว้าหาประโยชน์จาก
ธาตุเรเดียม


                                                ประวัติศาสตร์อับราฮัม ลิงคอล์น
         อับราฮัม ลิงคอล์น ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เริ่มดำรงตำแหน่งเมื่อ 4 มีนาคม ค.ศ. 1861
         อับราฮัม ลิงคอล์น เป็น 1 ใน 4 ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่รูปใบหน้าได้รับการสลักไว้ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ เมานต์รัชมอร์ (Mount Rushmore) ใบหน้าของเขาปรากฏอยู่บนธนบัตรราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐ และเหรียญราคา 1 เซนต์ ชื่อของเขาถูกนำมาตั้งเป็นชื่อเรือดำน้ำนิวเคลียร์ และเรือบรรทุกเครื่องบิน
        ต่อมาอับราฮัม ลินคอร์นถูกยิงเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1865 เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกลอบสังหารในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา และทำให้เขากลายเป็นผู้เสียสละเพื่อความสามัคคีของคนในชาติในความคิดของประชาชนคนรุ่นหลัง

17/5/54

เศรษฐกิจประเทศน่ารู้


เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ
    จากการที่ปัจจุบันเศรษฐกิจของไทยในตอนนี้มีการขึ้นลงอยู่บ่อยๆมาดูกันดีกว่าประเทศอื่นๆในโลกนี้มีเศรษฐกิจเป็นอย่างไรกันบ้างจะเหมือนกับประเทศไทยของเรารึเปล่ามาดูกันเลย           
          

          

                 เศรษฐกิจการค้า ประเทศสหรัฐอเมริกา

            ประเทศสหรัฐอเมริกามีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจที่ให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโดยที่รัฐจะเข้าแทรกแซงใน กิจการของเอกชนน้อย และสนับสนุนให้มีการแข่งขันกันอย่างเสรีทั้งภายในและภายนอกประเทศ
            อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ: ร้อยละ 1.1 (2551)
            อัตราการว่างงาน: ร้อยละ 8.1 (กุมภาพันธ์ 2552)
            อุตสาหกรรม : สหรัฐฯ เป็นผู้นำทางภาคอุตสาหกรรมของโลก มีความหลากหลายสูงและมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามาก เช่น ปิโตรเลียม เครื่องยนต์เครื่องบิน อุปกรณ์การสื่อสาร เคมีภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ การแปรรูปอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค ป่าไม้ เหมืองแร่
            สินค้าส่งออก : สินค้าทุน (ยกเว้นรถยนต์) ,สินค้าอุตสาหกรรม ,สินค้าอุปโภคบริโภค ,รถยนต์ ,อาหารและเครื่องดื่ม
            ประเทศคู่ค้าในการส่งออก : แคนาดาร้อยละ 20 เม็กซิโกร้อยละ 11.7 จีนร้อยละ 5.5 ญี่ปุ่นร้อยละ 5.1 เยอรมนีร้อยละ 4.2
            สินค้านำเข้า : อุปกรณ์ในการอุตสาหกรรม(น้ำมันดิบร้อยละ 16), สินค้าอุตสาหกรรม, สินค้าอุปโภคบริโภค
           ประเทศคู่ค้าในการนำเข้า :แคนาดาร้อยละ 16 จีนร้อยละ 16 เม็กซิโกร้อยละ 10.3 ญี่ปุ่นร้อยละ 6.6 เยอรมนีร้อยละ 4.6
                         

                              เศรษฐกิจประเทศออสเตรเลีย
          เศรษฐกิจของประเทศใหญ่เป็นอันดับที่ 14 ของโลกแม้ว่าในปัจจุบันจะมีข่าวว่า ออสเตรเลียประสบปัญหาขาดดุลการค้า เป็นมูลค่ามหาศาล นอกจากนี้ยังปรากฏว่า ออสเตรเลียมีหนี้สินต่างประเทศแต่ก็ถือได้ว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดี และโชคดี เนื่องจากในปัจจุบันออสเตรเลียกำลังเร่งการผลิตในด้านเหมืองแร่ และทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อการส่งออกอย่างขนาดใหญ่
ออสเตรเลียในปัจจุบัน กำลังประสบปัญหาหนักในด้านการผลิตเหมืองแร่และทรัพยากรธรรมชาติ โดยผลิตได้ไม่รวดเร็ว และทันต่อความต้องการของประเทศผู้ซื้อ  การขนส่งถ่านหินและแร่ธาตุต่างๆ เพื่อการส่งออก ซึ่งโดยปกติกระทำโดยทางเรือก็ประสบความล่าช้าจากสิ่งอำนวยความสะดวกของการท่าเรือ ที่ไม่เพียงพอต่อการขยายตัวด้านการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
           ความโชคดีของออสเตรเลียในด้านการส่งออกทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งคาดว่าจะทำรายได้เข้าประเทศอย่างมากจะเป็นจริงเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของออสเตรเลียในการปรับตัว และการบริหารจัดการความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

  
                        เศรษฐกิจประเทศประเทศญี่ปุ่น
         ญี่ปุ่นมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา เมื่อวัดด้วยจีดีพีก่อนปรับอัตราเงินเฟ้อและอันดับที่ 3 รองจากสหรัฐอเมริกาและจีน เมื่อวัดด้วยอำนาจการซื้อญี่ปุ่นมีกำลังการผลิตที่สูงและเป็นประเทศต้นกำเนิดของผู้ผลิตชั้นนำที่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร เหล็กกล้า โลหะนอกกลุ่มเหล็ก เรือ สารเคมี
           หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้รับความบอบช้ำจากสงครามเป็นอย่างมาก แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเพราะปัจจัยหลายอย่างเช่นการแทรกแซงของรัฐบาล แรงงานที่ถูกและมีคุณภาพ อัตราการออมและการลงทุนที่สูง ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2500-2520เป็นช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตอย่างมาก อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริงในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2500, 2510 และ 2520
           แต่ช่วงต้นพุทธทศวรรษที่ 2510 ญี่ปุ่นประสบปัญหาค่าเงินเยนแข็งตัวจนทำให้บริษัทจำนวนมากย้ายฐานการผลิตออกไปนอกประเทศ หลังจากเกิดฟองสบู่แตกต้นพุทธทศวรรษที่ 2530 เศรษฐกิจก็เริ่มชะลอตัว และส่งผลต่อเนื่องตลอดพุทธทศวรรษที่ 2530
 
                             เศรษฐกิจการค้าของประเทศอิตาลี
          
ปัจจุบันอิตาลีเปลี่ยนจากระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาเกษตรกรรมเป็นสำคัญ มาเป็นแบบมีอุตสาหกรรมเป็นพื้นฐาน และมีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของโลก
โดยรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรสูงไล่เลี่ยกับอังกฤษและฝรั่งเศสอิตาลีมีจุดแข็งในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
           อุตสาหกรรม ที่สำคัญมี รถยนต์ เครื่องจักรกล การก่อสร้าง เคมีภัณฑ์ เภสัชภัณฑ์ เครื่องไฟฟ้า เครื่องเรือน อุตสาหกรรมทอผ้า เสื้อผ้าและแฟชั่น และการท่องเที่ยว
แม้ระบบเศรษฐกิจของอิตาลีเป็นระบบทุนนิยม ภาคเอกชนสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างเสรี แต่รัฐบาลยังคงเข้ามามีบทบาทควบคุมกิจกรรมที่สำคัญ
           อย่างไรก็ตาม อิตาลียังมีปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศหลายประการ ที่สำคัญได้แก่ การขาดดุลงบประมาณในระดับสูง การว่างงาน การขาดแคลนทรัพยากรพลังงานในประเทศ และระดับการพัฒนาที่แตกต่าง กันอย่างมากระหว่างอิตาลีตอนเหนือ กับอิตาลีตอนกลางและตอนล่าง รวมทั้งเกาะ Sicily และ Sardinia ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรม
 
                            เศรษฐกิจประเทศนิวซีแลนด์
            นิวซีแลนด์ เป็นประเทศหนึ่งในเขตแปซิฟิกที่มีการทำอุตสาหกรรม เช่น การต่อเรือ โรงงานเบียร์ไวท์ โรงงานปลากระป๋อง แต่ส่วนใหญ่การอุตสาหกรรมในนิวซีแลนด์มีน้อยมาก และ มีการทำอุตสาหกรรมการเกษตร เช่นการทำผลไม้กระป๋อง อุตสาหกรรมการขุดแร่ เช่น ถ่านหิน เหล็ก อุตสาหกรรมป่าไม้ และ ยังมีการเพาะปลูกที่ทำให้นิวซีแลนด์มีรายได้มากส่วนหนึ่ง เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และ ผลไม้เช่น สตรอเบอรี่ และแอปเปิล เป็นต้น
          ด้านเศรษฐกิจ (2548)
1.อุตสาหกรรมหลัก : การแปรรูปอาหาร ไม้ สิ่งทอ เครื่องจักร กระดาษ ปุ๋ย ซีเมนต์ แผ่นเหล็ก อลูมิเนียม
2.เกษตรกรรมหลัก : เนื้อสัตว์ (วัว แกะ ปลา) ผลิตภัณฑ์นม ขนแกะ ผักและผลไม้
3.ปริมาณการค้า ในปี 2548 นิวซีแลนด์มีปริมาณการค้ารวม 46.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งออก 21.9 พันล้านดอลลาร์ นำเข้า 24.7 ล้านดอลลาร์ เป็นผลให้นิวซีแลนด์ขาดดุลการค้า 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
4.ประเทศคู่ค้าสำคัญ ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และจีน (ตามลำดับ)
5.สินค้าเข้า รถยนต์ เครื่องจักรกล เชื้อเพลิง เครื่องใช้ไฟฟ้า และพลาสติก
6.สินค้าออก ผลิตภัณฑ์นมเนย เนื้อสัตว์ (วัว แกะ ปลา) ไม้ เครื่องจักร
7.อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทำรายได้เข้าประเทศเป็นอันดับแรก มีอัตราการเจริญเติบโตร้อยละ 3.9

15/5/54

ฉันอยากจะเป็น...


อยากเป็นอะไร...........
ตอนเด็กๆคุณเคยคิดรึเปล่าว่าโตขึ้นคุณคิดจะเป็นอะไร ทำอะไร เรียนอะไร ตอนแรกๆฉันก็ไม่ได้คิดหรอกแต่พออยู่ไปเรื่อยๆไม่ได้คิดอะไรมากมายสอบได้ไรก็เรียนๆไปแต่พออยู่ไปนานๆก็เริ่มคิดขึ้นได้ว่าถ้าเรายังอยู่แบบนี้อีกแบบอยู่ไปวันๆไม่คิดอะไรคงจะไม่ดีแล้วแน่เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีจุดมุ่งหมายที่จะทำอะไรการที่ทำไรคงจะไม่สำเร็จแน่ถ้าอยู่แบบนี้ตั้งแต่วันนั้นมาฉันก็เริ่มหาตัวเองมาตลอดแต่ก็ยังคิดไม่ค่อยออก ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเป็นอะไรดีแต่พออยู่มาวันหนึ่งคุณครูได้หมอบหมายให้นักเรียนทุกคนค้นหาตัวเองให้เจอฉันก็ได้กลับไปหาตัวเองแล้วก็ได้พบกับคณะเภสัชศาสตร์ถึงกับตะลึงนี่ไงฉันอยู่นี่เอง(เย้ๆ)เจอแล้วด้วยความที่ตัวเองชอบเกี่ยวกับด้านนี่อยู่แล้วบวกกับมีญาติจบเภสัชศาสตร์ แล้วทำงานกับบริษัทยาชื่อดังตัวก็เลยชอบอยากเป็นแบบญาติคนนั้นบ้าง พอได้มาค้นหาตัวเองตามที่ครูมอบหมายก็ทำให้แน่ใจมากขึ้นว่าตัวเองชอบด้านนี้
ปรัชญาของผู้ที่เรียนเภสัชศาสตร์
มุ่งผลิตบัณฑิตให้เป็นผู้ที่มีสมรรถนะทางวิชาชีพ ตามเกณฑ์มาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. 2545 มีคุณธรรมและจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพ
วัตถุประสงค์ทั่วไปของผู้ที่เรียนเภสัชศาสตร์
1.          มีความรู้และเข้าใจ ปัญหาสาธารณสุขของประเทศ ตลอดจนตระหนักถึงบทบาทของเภสัชกรที่ต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหานั้น ๆ และร่วมไปกับบุคลากรสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง
2.          มีความรอบรู้ในศิลปวิทยาต่างๆ สมกับเป็นเภสัชกรที่ดี ที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม ยึดมั่นในจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ มีมนุษย์สัมพันธ์อันดี รวมทั้งมีความรับผิดชอบต่อหน่วยงาน สังคมและประเทศชาติ และสามารถประยุกต์ความรู้ ทั้งในด้านวิชาชีพและนอกวิชาชีพ เพื่อบริการประชาชนด้านสุขภาพอนามัยอย่างมีประสิทธิภาพ เปี่ยมประสิทธิผล
3.          มีความเข้าใจว่า "วิชาชีพเภสัชกรรม" เป็นวิชาชีพที่ต้องเรียนรู้ใฝ่ศึกษาติดต่อกันไปตลอดชีวิตเยี่ยงวิชาชีพอื่นๆ และมีความสามารถพอที่จะศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองต่อไปได้
4.          มีความสามารถวิเคราะห์ และปรับปรุงตนเองให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เมื่อร่วมทำงานกับผู้อื่นทั้งในฐานะผู้นำและผู้ร่วมงาน
5.          มีความตระหนักรู้ซึ้งถึงความจำเป็นในการพัฒนาคุณภาพ ทั้งของตนเอง ของวิทยาการ และของวิชาชีพ ให้สามารถปฏิบัติกิจกรรมที่รองรับและกำหนดไว้ตามพันธกิจและภารกิจ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ที่กำหนดไว้เป็นหลักฐานแห่งบุคลากรในสายวิชาชีพ และในการคุ้มครองผู้บริโภคทั้งในระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ตติยภูมิ หรือในระดับที่สูงขึ้นไปอีกตามทิศทางและแนวโน้มการพัฒนาที่จักดำเนินต่อไป
6.          มีทักษะทางวิชาชีพที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน

นี่คือตัวอย่างเภสัชกรชื่อดัง
 
 
             รองศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิงอรพรรณ มาตังคสมบัติ สำเร็จการศึกษาเภสัชศาสตรบัณฑิต (เหรียญทอง) จากมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี พ.ศ ๒๕๐๖ และปรัชญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒
 
 
             ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เภสัชกรหญิง ผู้ปิดทองหลังพระ ผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ที่เร่ร่อนไปทั่วแอฟริกา